7 ความต่าง ระหว่างร้านอาหารไทยกับญี่ปุ่น 🇹🇭🇯🇵


7 ความต่าง ระหว่างร้านอาหารไทยกับญี่ปุ่น 🇹🇭🇯🇵


วันนี้ AINU มีเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างร้านอาหารญี่ปุ่นกับไทยมาฝากกันค่ะ 🍱 ซึ่งมีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะ บางเรื่องเราก็อาจจะนึกไม่ถึง จนอาจเผลอแสดงกริยามารยาทที่ไม่เหมาะสมออกไป โดยที่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ 💞 หรือจะบอกว่าเป็นทริค 7 ข้อ ว่าด้วยเรื่องของมารยาท เมื่อต้องเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ จะมีอะไรกันบ้าง 🌼 เลื่อนลงไปอ่านได้เลยค่ะ

💟 1.การจองโต๊ะร้านอาหาร และระยะเวลาในการนั่งอยู่ในร้าน ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นบางร้านสามารถโทรจองโต๊ะได้ค่ะ 🍓 แต่จะเข้มงวดในเรื่องของเวลา ถ้าลูกค้ามาสาย ร้านจะยกเลิกการจอง และให้ที่นั่งกับลูกค้า Walk In ทันที อีกอย่างร้านที่อยู่ในเขตชุมชน จะมีลูกค้าค่อนข้างมาก ลูกค้าที่กินอาหารเสร็จแล้ว จะไม่นั่งเม้าท์มอยกับเพื่อน 🐥 หรือหรือนั่งถ่ายรูปเล่นนานๆ เพราะคนญี่ปุ่นจะถือว่าเสียมารยาทมาก สิ่งที่ควรทำ คือ รีบกินรีบไป ยกเว้นร้านกาแฟหรือเบเกอรี่ ที่ร้านอนุญาตให้นั่งชิลนานๆได้ค่ะ

💟 2.ร้านอาหารในไทยนั้นจะมีความยืดหยุ่นสูง ลูกค้าสามารถรีเควสได้เลยว่าต้องการแบบไหน เช่น ต้มยำกุ้ง ไม่ใส่เห็ด เพิ่มผักชี ขอน้ำเยอะๆ เน้นรสเปรี้ยวหวาน เพิ่มนั่น ลดนี่ บลา ๆๆๆ แต่สำหรับร้านอาหารญี่ปุ่น 🎊🎉 เราจะไปสั่งให้เชฟเพิ่มนั่น ลดนี่ ตามแบบที่เราชอบไม่ได้นะคะ เพราะจะไม่ได้มาตรฐานของทางร้าน ยกเว้นร้านที่มีตู้ให้กดคูปองหน้าร้าน ที่ลูกค้าสามารถกดคูปองเลือกได้เช่น ร้านราเม็ง สามารถเลือกเพิ่มหมู เพิ่มเส้น เพิ่มไข่ ลดผัก หรือร้านข้าวแกงกะหรี่สามารถเลือกระดับความเผ็ดของแกงได้ค่ะ

💟 3.ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะจัดเซ็ทอาหารกลางวันแสนคุ้มค่าไว้ให้ลูกค้า โดยในเซ็ทจะมีข้าว กับข้าว ซุป แถมบางร้านยังมีทั้งขนมหวานและน้ำให้อีกด้วย ลูกค้าไม่ต้องคิดมาก จิ้มเลือกจากชุดที่ร้านจัดไว้ให้ได้เลยค่ะ 🎏🎀 สำหรับร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นเองก็มีการจัดเช็ทอาหารกลางวันแบบนี้เช่นกัน อาจจะเป็นข้าวราดผัดกระเพรา 1 จาน ต้มยำถ้วยเล็ก สลัดผัก ถั่วเขียวต้มน้ำตาล น้ำลำไย เป็นต้น นอกจากได้กินอาหารครบ 5 หมู่ และหลากหลายแล้ว ราคายังถูกกว่าการสั่งอาหารแบบปกติด้วยค่ะ

💟 4.เมนูเปลี่ยนตามฤดูกาล เมนูหลักส่วนใหญ่จะคล้ายๆ เดิม คือ มีเมนูพื้นฐานของร้านส่วนหนึ่ง แต่หลายร้านจะเปลี่ยนเมนูเด็ดไปตามฤดูกาลต่างๆ เช่น อูด้งใส่ผักสำหรับช่วงฤดูหนาว ไอศกรีมรสมันสำปะหลังหวานในฤดูใบไม้ร่วง 🍨🍦 เทมปุระผักภูเขาทอดในฤดูใบไม้ผลิ ฯลฯ รับรองว่าลูกค้าจะไม่ต้องเจอปัญหา ได้กินแต่อาหารเมนูเดิมๆ จนเบื่อแน่นอน อีกทั้งเมนูตามฤดูกาลยังถูกนำมาเป็นตัวชูโรง ในการทำยอดขายอีกด้วยค่ะ

💟 5. สั่งคนละ 1 อย่าง ของใครของมัน คนไทยโดยมากจะชินกับการสั่งอาหารมาหลายๆ อย่าง แล้วกินด้วยกันกับเพื่อน แต่วัฒนธรรมการกินอาหารของคนญี่ปุ่นนั้น 🌈 จะต่างคนต่างกินแต่เฉพาะอาหารของตัวเองค่ะ ยกเว้นตามร้านเหล้าที่สามารถสั่งของกินเล่นมากินด้วยกันได้ ดังนั้นร้านอาหารก็คาดหวังว่าลูกค้าจะสั่งอาหารอย่างน้อยคนละหนึ่งอย่าง บางร้านถึงกับติดป้ายไว้เลยว่าต้องสั่งคนละอย่าง  จะมา 3 คนแต่สั่งอาหารชุดเดียวแล้วแบ่งๆกันกิน จะถือว่าเสียมารยาทค่ะ

💟 6.ไม่ต้องให้ทิป โดยทั่วไปร้านอาหารญี่ปุ่นจะบริการดี โดยที่ผู้บริการก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้ทิปเหมือนวัฒนธรรมของฝรั่ง 🍀🌷 ที่มีการกำหนดทิปขั้นต่ำหรือบังคับให้กรอกเลยว่าจะให้ทิปกับพนักงานกี่บาท ส่วนในไทยนั้นหากไม่ให้ทิปเลย ก็อาจจะถูกมองว่าเสียมารยาทหรืองกได้

💟 7.ไม่ให้ห่ออาหารกลับบ้าน ร้านอาหารญี่ปุ่นบางแห่งไม่อนุญาตให้นำอาหารที่กินเหลือกลับบ้าน 🍟 เพราะกลัวว่าถ้านำกลับไปแล้วอาหารเกิดบูดเสีย ลูกค้าอาจโทษว่าเป็นความผิดของทางร้านได้ นอกจากนี้ร้านอาหารก็ได้ทำอาหารในปริมาณที่พอดีสำหรับการกินใน 1 มื้อ อยู่แล้ว หากไม่สั่งมากเกินไปก็ ก็จะกินหมดพอดี 🍹ลูกค้าส่ามารถสั่งอาหารกลับบ้านได้แต่เมนูเฉพาะที่ระบุไว้เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เหมือนกับเมนูที่สั่งกินภายในร้านค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะ 😚 ข้อแตกต่างระหว่างร้านอาหารญี่ปุ่นและไทย อ่านไว้เป็นความรู้ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นจะได้สามารถวางตัวได้อย่างกลมกลืนค่ะ 💋 แต่ถ้ายังไม่มีแพลนจะไปเทียวญี่ปุ่น สุดสัปดาห์แบบนี้ แวะมากินอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฮอกไกโดที่ AINU กันค่ะ รับรองว่าอร่อยไม่แพ้บินไปกินที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ 💦

ความคิดเห็น