มาดูความแตกต่างของ สาเก สาโท และโชจู 😍🍸

https://bit.ly/2lQlEvc

มาดูความแตกต่างของ สาเก สาโท และโชจู 😍🍸
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำชาติญี่ปุ่นอย่าง สาเก สาโทและโชจู นั้นมีความแตกต่างกัน บางคนรู้เพียงแค่ว่าเครื่องดื่มทั้ง 3 ประเภทนี้ ทำมาจากการหมักข้าวหรือผลไม้ เลยยังไม่เข้าใจถึงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องดื่มทั้ง 3 ประเภทนี้ 🍶🍾 ซึ่งที่จริงแล้วมีความเป็นมา ขั้นตอนการผลิต และวัตถุดิบที่แตกต่างกันออกไปทั้งหมดเลยค่ะ วันนี้ AINU เลยนำความแตกต่างของสาเก สาโท และโชจู มาเล่าให้ฟัง ลองเลื่อนไปอ่านกันนะคะ


💟 สาเก หรือเรียกอีกชื่อว่า นิฮอนชู
เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตมาจากข้าวญี่ปุ่น ซึ่งข้าวญี่ปุ่นนั้นจะแตกต่างจากข้าวไทย ตรงที่ข้าวญี่ปุ่นจะมีลักษณะอ้วนป้อมกว่าข้าวไทยที่เรียวยาวกว่า สาเกนั้นได้รับความนิยมมากมาตั้งแต่สมัยเฮอัน (ค.ศ.794-1185) ถูกใช้ประกอบในพิธีทางศาสนา และผู้คนก็เริ่มดื่มสาเกกันมากขึ้น 💦 ซึ่งในปัจจุบัน สาเกเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่เนื่องจากสาเกมีแหล่งผลิตอยู่ทั่วโลก จึงทำให้คุณภาพของสาเกแบบดั้งเดิมลดลง โดยทั่วไปสาเกจะมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 10-20 ดีกรี มีการแบ่งแยกคุณภาพและชนิดจากขั้นตอนการผลิต และระดับสีของข้าวที่นำมาหมัก

💟 สาโท หรือ น้ำขาว
คนในประเทศญี่ปุ่นจะนิยมเรียกสาโทว่า Japanese Liqueur ซึ่งสาโทนั้นมีขั้นตอนในการผลิตคล้ายกับสาเก คือ จะเป็นการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มาจากการหมักข้าวเหมือนกัน แต่ข้าวที่ใช้ในการหมักสาโทนั้น  โดยทั่วไปจะใช้ข้าวเหนียวในการหมัก ในปัจจุบันการผลิตสาโท ได้มีการพัฒนาโดยปรับปรุงรสชาติด้วยการใส่น้ำสกัด หรือผลไม้บางชนิดเข้าไปผสมอยู่ด้วย

💟 โชจู
หลายคนอาจจะสับสนเกี่ยวกับ โชจู (Shochu) และ โซจู (Soju) ซึ่งโชจูเป็นเครื่องดื่มของประเทศญี่ปุ่น ส่วนโซจูเป็นเครื่องดื่มของประเทศเกาหลี ที่ผ่านการกลั่นเหมือนๆกัน จัดอยู่ในประเภทของ Vodka โชจูจะมีเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง ประมาณ 25% ในขณะที่ โซจู อยู่ที่ 20% แต่โชจูกลับให้กลิ่นที่มีความนุ่มนวลกว่าโซจู วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตโชจูและโซจูนั้นกลั่นมาจากข้าวสาลี มันเทศหวาน และอ้อย แต่โซจูของเกาหลีจะมีความหวานกว่าเล็กน้อยเพราะได้รับการเพิ่มน้ำตาลลงไป และส่วนมากจะผ่านการกลั่นมาหลายรอบ 💞 แตกต่างกับ โชจู ของญี่ปุ่นที่มีการแบ่งเกรดในจำนวนการกลั่นเรียกว่า Kou-Rui หรือการกลั่นหลายครั้ง ซึ่งเหมาะกับการดื่มเป็น Cocktail ผสมกับชา และ Otsu-Rui หรือการกลั่นเพียงครั้งเดียว ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น จึงถูกจัดให้เป็น Premium ซึ่งโชจูนั้น สามารถดื่มได้ทั้งแบบเพียว ผสมน้ำเย็น/น้ำร้อน ดื่มกับเบียร์ หรือผสมน้ำแข็งก็ได้ตามความถูกใจเลยค่ะ

ได้รู้ถึงวิธีการผลิตและวัตถุดิบต่างๆ ของ สาเก สาโท และโชจู กันไปแล้ว สุดสัปดาห์นี้ลองชวนเพื่อนๆ แวะมา AINU เพื่อซึมซับรสชาติของเครื่องดื่มญี่ปุ่นกันดูนะคะ 💋💖

ความคิดเห็น